ความอดทนก็มีค่าในตัวของมันเอง คนที่ “ร้อนรน” ไม่มีความอดทน โกรธ หมดหวัง จะดึงดูด “โชคดี” เข้ามาหาไม่ได้
ในการที่จะได้สิ่งที่ต้องการ
สิ่งหนึ่งที่เราลืมตระหนักไปก็คือว่า
บางครั้ง เราไม่สามารถได้สิ่งที่เราต้องการ ในเวลาที่เราอยากจะได้
บางครั้ง สิ่งที่ดีที่สุดที่เราจะทำได้ ในการจะได้สิ่งที่ต้องการคือ
รอ!
นั่นคือ รอเวลาที่เหมาะสม
แล้วทำงานอย่างอื่นไปก่อน หรือ ตามความฝันอื่น ที่ทำให้คุณมีความสุขและเกิดแรงบันดาลใจ
(เหตุผลนี้ ทำให้ผมมีความฝันหลายอย่างในเวลาเดียวกัน* เพราะเรียนรู้จากประสบการณ์ว่า ความฝันบางอย่าง เราจำเป็นต้องปล่อยวางไปสักพัก เพราะยังไม่ถึงเวลาของมัน)
นั่นไม่ได้หมายความว่าเราขี้เกียจ รอปาฏิหาริย์ หรือรอโชค
แต่บางครั้งเราสู้สุดฤทธิ์แล้ว พยายามทุกวิถีทางแล้ว
มันก็ยังไม่สำเร็จสักที มองไม่เห็น “แสงสว่างปลายอุโมงค์” เลย
หมายความว่า ยังไม่ถึงเวลาของมัน
เราต้องใช้ความอดทนมากหน่อย
ถ้าเวลาไม่เหมาะสม บางสิ่งที่คุณได้ไปก็ไม่มีประโยชน์
ถ้าคุณได้ตำแหน่งที่สูง ในเวลาที่คุณยังไม่พร้อม
หรือ มี “กับดัก” ล่ออยู่ แต่คุณไม่ทราบในตอนนั้น
มีหลายครั้ง ที่ผมพลาดตำแหน่งที่ต้องการให้กับคนอื่นไป
ตอนแรกก็รู้สึกเสียใจ
แต่พอเห็นเขาต้องออกจากงานนั้นภายในเวลาอันสั้น เพราะสถานการณ์ที่ไม่ได้อยู่ในความควบคุมของเขา เช่น
นักดนตรีสไตรค์ เป็นเวลาหลายๆ เดือน
ออร์เคสตราล้มละลาย
หรือ เขาทะเลาะกับเจ้านายที่ทำงานด้วยกันยาก
ทำให้ผมรู้สึก “โชคดี” ที่ไม่ได้งานนั้น
และก็รู้สึกว่า จริงๆ แล้ว ความอดทนก็มีค่าในตัวของมันเอง
คนที่ “ร้อนรน” ไม่มีความอดทน โกรธ หมดหวัง
จะดึงดูด “โชคดี” เข้ามาหาไม่ได้
ไม่ค่อยมีใครอยากเข้าใกล้ หรืออยากจะช่วย
คนที่ทำตัว “สบายๆ” น่าคบ ยิ้มแย้มแจ่มใส อดทน
ทำให้คนอื่นสบายใจเมื่ออยู่ใกล้ หรือทำธุรกิจด้วย
สามารถที่จะมีโชคมากกว่า เพราะว่า
“โชคดีของคุณ จะมาจากผู้อื่น”
......................................
มีหลายคนที่ไม่เข้าใจดีเรื่อง กฎแห่งแรงดึงดูด ก็จะบ่นว่า
ทำตามที่หนังสือบอกแล้ว แต่ไม่เห็นได้รับเลย
บางครั้งสิ่งที่เราต้องการ จะไม่เกิดขึ้นในเวลาที่เราต้องการ
แต่พอเรา “ไม่สนใจ” มันไปสักพัก ไปทำอย่างอื่นที่น่าสนใจและให้แรงบันดาลใจกับเรามากกว่าในตอนนั้น
สิ่งที่เราต้องการกลับวิ่งเข้ามาหาเราเองโดยไม่รู้ตัว
......................................
มีคนเคยถามแฮริสัน ฟอร์ดว่า
ทำไมเขาถึงประสบความสำเร็จมากขนาดนี้
เขาตอบว่า “ความอดทน”
ทั้งอธิบายต่อว่า
“ในวงการฮอลลีวู้ด มีนักแสดงหลายคนที่อยากจะมีชื่อเสียง
บางคนก็ล้มเลิกไปกลางคัน เพราะมองไม่เห็น “แสงสว่างปลายอุโมงค์”
ผมไม่ได้วิเศษอะไร
เพียงแต่ผมเป็นคนสุดท้ายที่ยืนอยู่ในเวลาที่คนอื่นเขาเลิกกันไปหมดแล้ว”
มร. ฟอร์ด มีงานอดิเรกที่เขารักคือ การเป็นช่างไม้
เมื่อเขาสอบคัดเลือกตก เขาก็ไปทำงานที่เขารักต่อ
ไม่เดือดร้อนกับมันมากนัก
ถึงเวลาก็ไปสอบใหม่
.......................................
* TIP จากบัณฑิต
ทัศนคติที่ “ไม่ยินดียินร้าย” กับผลลัพธ์มากนัก
จะช่วยให้คุณทำงานได้นาน
เพราะคุณต้องเข้าใจว่า
บางอย่าง แค่ทำไปเรื่อยๆ อาศัยความอดทน
ความสำเร็จ ก็หนีไปไม่พ้น
แต่ถ้าคุณไป “ร้อนรน” กับมันมากเกินไป
ไม่รู้จัก “ปล่อยวาง” บ้างในบางครั้ง
จะเป็นเหตุผลให้คุณไม่ได้มันมา
สิ่งนี้ในนักปรัชญาชื่อดังในอเมริกาอย่าง ดีพาค โชปรา (Deepak Chopra) เรียกว่า
The Law of Detachment
No comments:
Post a Comment