หนังสือที่เขียนเกี่ยวกับการสร้างสัมพันธ์ที่ดีที่สุดเล่มหนึ่ง น่าจะเป็น Dig Your Well Before You Are Thirsty ขุดบ่อไว้ก่อนกระหายน้ำ
เราได้เข้าใจกันแล้วว่า โชคดีส่วนใหญ่ของคุณจะมาจากผู้อื่น (Rule …)
เพราะฉะนั้น คุณจะต้องทำอย่างไรก็ได้ ที่จะให้ "ผู้อื่น" คิดถึงคุณเป็นคนแรก เมื่อโอกาสมาถึง
เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องที่เกิดขึ้นโดยอัตโนมัติ !
โลกนี้มีคนมากมายที่อยากได้สิ่งเดียวกับที่คุณอยากได้
คุณจะทำอย่างไร ให้เจ้านายคิดถึงคุณก่อนคนแรก เมื่อมีตำแหน่งใหญ่ว่าง
ไม่ใช่ไปคิดถึงคู่แข่งคุณ
คุณจะทำอย่างไร ที่จะเป็นคนแรกที่ลูกค้าคิดถึง เมื่อเขาต้องการสินค้าที่คุณมีขาย
ไม่ใช่ไปคิดถึงสินค้าของคู่แข่งคุณ
บางครั้ง มันไม่พอ เพียงแค่ว่าคุณมีความสัมพันธ์ที่ดี
เพราะคู่แข่งคุณก็มีสิ่งนั้นด้วย
แต่ถ้าครั้งสุดท้ายที่เขาเจอหน้า หรือพูดคุยกับคุณ เป็นห้าปีที่แล้ว
คนที่ให้โอกาส ส่วนใหญ่เขาจะให้คนที่ most recent in memory หรือ อยู่ในความทรงจำที่ผ่านไปไม่นาน
เพราะฉะนั้น เทคนิคอันหนึ่งก็คือ
พยายามรักษาความสัมพันธ์ให้ “สด”อยู่เสมอ
ไม่ว่าจะเป็นการส่งการ์ดวันเกิด ส่งการ์ดขอบคุณ ฯลฯ
มีหนังสือหลายเล่มที่เขียนเกี่ยวกับ network หรือ การสร้างสัมพันธ์
ที่ดีที่สุดเล่มหนึ่ง น่าจะเป็นของ Harvey Mackay ชาวอเมริกัน
ชื่อเรื่อง Dig Your Well Before You Are Thirsty ขุดบ่อไว้ก่อนกระหายน้ำ
(=สร้างสัมพันธ์ไว้ก่อนต้องการความช่วยเหลือ)
มีเทคนิคมากมายในการที่จะทำให้ความสัมพันธ์ของคุณกับคนสำคัญอื่น ๆ ให้ "สด" อยู่เสมอ
ผมขอยกตัวอย่างจากประสบการณ์ตนเอง
*ตามที่เคยกล่าวไว้ในหนังสือเล่มก่อนๆ ของผม เกี่ยวกับเรื่องที่ เรื่องที่ Lorin maazel ไม่สามารถไปแสดงที่สเปนได้เพราะต้องผ่าตัดตากะทันหัน ช่วงนั้นผมอยู่ใกล้ตัวท่านที่สุด ถามคำถามบ่อย ๆ พยายามเรียนรู้ พยายามศึกษาเตรียมตัวตลอดเวลา และผม make sure ว่าท่านทราบว่าผมรู้บทเพลงทุกเพลงเป็นอย่างดี ถ้าท่านเป็นอะไรขึ้นมา ผมขึ้นแสดงแทนท่านได้ตลอด
การที่จะให้วาทยกรหนุ่มขึ้นอำนวยเพลงแทนปรมาจารย์ระดับ Maazel นั้น เป็นการตัดสินใจที่ยากมากของทุกฝ่าย ทั้งตัวท่าน Maazel เอง ผู้จัดคอนเสิร์ต เจ้าของวงดนตรีเอง และ เพราะมีเงินและชื่อเสียงของงานเป็นเดิมพันอยู่จำนวนมหาศาล
ถ้า "บัณฑิต" ทำพลาด มหกรรมดนตรีครั้งใหญ่จะต้องสูญเสียชื่อเสียงเป็นอย่างมาก นอกจากนี้ Maazel เองก็มีลูกศิษย์ลูกหาจำนวนมาก จากเรื่องนี้เราจะเห็นได้ว่า การรู้จักคนอย่างเดียวไม่เพียงพอ จะต้องทำให้เขานึกถึงเราเป็นคนแรกๆ ด้วย
*อีกช่วงหนึ่งซึ่งเป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อของชีวิตของผม คือช่วงที่ผมออกจากงานประจำใหม่ๆ ช่วงนั้นผมพึ่งมีลูกสาวคนแรก ธรรมดาของคนทำงานประจำรับเงินทุกเดือน พอออกจากงานก็เริ่มรู้สึกไม่ปลอดภัย เริ่มกังวลเกี่ยวกับรายจ่ายของครอบครัว
ตอนนั้นผมจึงมานั่งคิดหาเครือข่ายคนรู้จักที่จะพอช่วยเหลือเรื่องหางานได้ เพราะผมเชื่อว่างานดีๆ ไม่ได้มาจากกระดาษ หรือจากเรซูเม่ แต่มาจากคนที่รู้จักเราหรือรู้จักงานของเรา ดังนั้นไม่ว่าผมจะถูกเชิญไปประเทศใดก็ตามผมจะพยายามขยายฐานคนรู้จักให้มากขึ้นเสมอ
เมื่อผมได้ถูกเชิญไปที่เกาหลีกรรมการท่านหนึ่งในการแข่งขัน Maazel-Villar แนะนำให้ผมรู้จักกับ Mike Chung ผู้เป็นเอเจนท์หางานรายใหญ่ในประเทศเกาหลี เมื่อผมได้คุยกันแล้วก็รู้สึกว่าน่าจะทำงานด้วยกันได้
หลังจากนั้นผมจึงเขียนจดหมายไปหาเขาเป็นประจำ ไม่กี่เดือนหลังจากนั้นมีงานใหญ่ที่ประเทศเกาหลี และเขาต้องการวาทยกรระดับผมพอดี แน่นอนผมถูกเชิญให้ไปอำนวยเพลงในงานนั้น และที่โชคดีมากกว่านั้นคือผมได้ค่าตอบแทนในงานนี้มากกว่าเงินเดือนที่ผมเคยได้สมัยที่ทำงานประจำรวมกัน 3 เดือนเสียอีก
บัณฑิต อึ้งรังษี
No comments:
Post a Comment